ตลับหมึกที่ใช้กับปริ้นเตอร์อิงค์เจ็ท

คือ ตลับหมึกแบบอิงค์เจ็ท โดยทั่วไปจะมีจำนวนสีหมึกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ ฟ้า (CYAN), ม่วงแดง (MAGENTA), เหลือง (YELLOW), และดำ (BLACK) หรือที่เรียกว่า CMYK

แบ่งออกได้เป็น

1. ตลับหมึกแบบแยกสี

สำหรับตลับหมึกแบบแยกสี หนึ่งตลับจะมีเพียงหนึ่งสีเท่านั้น จำนวนสีของแต่ละแบรนด์อาจแตกต่างกันไป สามารถเปลี่ยนตลับเฉพาะสีที่หมดแล้วได้ ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนตลับหมึกสีทั้งหมด เหมาะสำหรับคนที่ใช้งานพิมพ์เอกสารสีดำจำนวนมาก นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่มักใช้สีเฉพาะ ซึ่งราคาของตลับหมึกแบบแยกสีก็ถูกกว่าตลับหมึกแบบรวมสี

2. ตลับหมึกแบบรวมสี

เครื่องพิมพ์ที่มีตลับแบบรวมสี จะมี 2 ตลับหมึกแยกกัน ได้แก่ ตลับหมึกสีดำ และตลับหมึกรวมสี สำหรับตลับหมึกรวมสีนี้จะรวมไว้ด้วยกัน 3 สี ไม่สามารถเปลี่ยนตลับหมึกสีเพียงสีใดสีหนึ่งที่หมดได้ มีราคาสูงกว่าตลับหมึกแบบแยกสี

3. หมึกแบบ Ink Tank

สำหรับผู้ที่ใช้งานบ่อย หรือผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับหมึกพิมพ์ การใช้เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท รุ่นที่มี Ink Tank หรือ Eco-Tank หรือขวดเติมหมึก เมื่อหมึกหมดสามารถเติมได้แทนการเปลี่ยนตลับหมึก ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมมาก แบรนด์ต่าง ๆ ได้ติดตั้ง Ink Tank มาให้จากโรงงานผลิต สามารถเติมหมึกแต่ละสีที่หมดได้ด้วยตัวเอง เหมาะสำหรับงานพิมพ์ปริมาณมาก แม้ว่าเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทที่มี Ink Tank มาด้วยจะมีราคาแพงกว่ารุุ่นอื่น ๆ แต่ก็คุ้มค่าสำหรับการใช้งานในระยะยาว

ตลับหมึกแบบอิงค์เจ็ทแต่ละแบรนด์จะมีการระบุถึงจำนวนหน้าที่ปริมาณหมึกสามารถพิมพ์ได้เป็นจำนวนแผ่นบนกระดาษขนาด A4 โดยมีปริมาณการพิมพ์ 5% ของหน้ากระดาษ

น้ำหมึกอิงค์เจ็ทสามารถแบ่งออกได้เป็น

1. Dye Ink เป็นน้ำหมึกธรรมดา

ส่วนใหญ่ใช้ในงานพิมพ์ทั่วไป จะมีส่วนผสมของน้ำเป็นหลัก ส่วนมากใช้กับเครื่องปริ้นอิงค์เจ็ท ขนาดเล็ก เนื่องจากต้นทุนถูก สีสด เหมาะกับการใช้งานในระดับทั่วๆไปจนถึงงานพิมพ์ขนาดย่อม หมึกราคาถูกกว่าหมึกแบบ Pigment ดูดซึมเร็วกว่าในทุกๆเนื้อกระดาษ แต่เมื่องานโดนน้ำละลายได้ง่าย สีไม่คงทน ซีดจางเร็ว จึงไม่เหมาะกับงานที่ต้องการเก็บรักษา

2. Pigment Ink เป็นหมึกกันน้ำ

ให้คุณภาพสีสันคมชัดมาก มีความละเอียดสูง ตัวหนังสือหรือรูปภาพติดบนกระดาษได้ดี งานส่วนใหญ่ที่ใช้น้ำหมึกพิมพ์งานประเภทนี้ได้แก่ ภาพถ่าย งานศิลปะ งานโฆษณา งานออกแบบผลิตภัณฑ์ต่างๆ