พัดลมอุตสาหกรรม

พัดลม อุปกรณ์คลายร้อนประจำบ้าน นอกจากการติดตั้งเครื่องปรับอากาศแล้ว พัดลมก็เป็นตัวช่วยที่ขาดไม่ได้ในประเทศเมืองร้อนอย่างประเทศไทยของเรา พัดลมส่วนใหญ่ที่เราใช้กันตามบ้านเรือนมีหลากหลายประเภทให้เราได้เลือก ไม่ว่าจะเป็น พัดลมเพดาน, พัดลมไอน้ำ, พัดลมติดผนัง, พัดลมตั้งโต๊ะ หรือ พัดลมตั้งพื้น พัดลมที่กล่าวมาข้างต้นจะเหมาะสำหรับการใช้งานภายในบ้านหรือห้องที่มีพื้นที่ไม่ใหญ่มากจนเกินไป เพราะถ้าหากพื้นที่กว้าง ลมที่ได้อาจไม่พอที่จะคลายร้อนได้ ดังนั้นสำหรับพื้นที่กว้าง ตัวอย่างเช่นโรงงาน ร้านอาหาร หรือสถานที่ที่มีพื้นที่กว้างๆ จะต้องใช้พัดลมขนาดใหญ่พิเศษหรือที่เราเรียกกันว่า พัดลมอุตสาหกรรม ซึ่งมันจะมีคุณสมบัติในการปล่อยลมออกมาได้แรง ทำให้ลมกระจายไปได้ค่อนข้างไกล

มาดูกันคร่าวๆกันก่อนว่าพัดลมที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันมีกี่ประเภท และมีคุณสมบัติอย่าไงบ้าง

1. พัดลมแบบตั้งโต๊ะ

• น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก
• สำหรับตั้งโต๊ะหรือพื้น
• เหมาะสำหรับห้องขนาดเล็ก
• ให้ลมได้ระดับน้อยสุดเมื่อเทียบกับแบบอื่น

2. พัดลมกึ่งตั้งโต๊ะ

• น้ำหนักไม่หนักจนเกินไป สามารถเคลื่อนย้ายได้
• สำหรับตั้งโต๊ะหรือพื้น
• เหมาะสำหรับห้องขนาดกลาง
• สามารถปรับระดับความสูงได้
• ให้ลมได้ระดับกลางเมื่อเทียบกับแบบอื่น

3. พัดลมแบบตั้งพื้น

• น้ำหนักมากกว่าแบบอื่น สามารถเคลื่อนย้ายได้แต่ไม่สะดวก
• สำหรับตั้งพื้น
• เหมาะสำหรับห้องขนาดใหญ่
• บางรุ่นสามารถปรับระดับความสูงได้
• ให้ลมได้แรงเมื่อเทียบกับแบบอื่น
• มีราคาสูงเมื่อเทียบกับแบบตั้งโต๊ะและกึ่งตั้งโต๊ะ

4. พัดลมแบบติดผนัง

• เหมาะสำหรับติดผนังถาวร ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้
• ประหยัดพื้นที่ในการติดตั้ง
• การติดตั้งค่อนข้างยุ่งยาก
• ให้ลมที่ครอบคลุมกว่าแบบตั้งโต๊ะและตั้งพื้น

5. พัดลมแบบโคจร

• เหมาะสำหรับติดเพดาน ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้
• ประหยัดพื้นที่ในการติดตั้ง
• การติดตั้งค่อนข้างยุ่งยาก
• ให้ลมที่ครอบคลุมกว่าแบบตั้งโต๊ะ, ตั้งพื้นและติดผนัง

6. พัดลมระบายอากาศ

• สำหรับติดผนังในพื้นที่เฉพาะ เช่น ในห้องครัว ห้องน้ำ เป็นต้น
• ช่วยระบายกกลิ่นไม่พึงประสงค์
• การติดตั้งยากกว่าพัดลมทั่วไป และไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้
• ราคาสูงกว่าพัดลมทั่วไป

7. พัดลมแบบทาวเวอร์

• น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก
• สำหรับตั้งพื้น
• ทำงานในพื้นที่เล็กและแคบได้ดี ใช้พื้นที่ในการส่ายเครื่องไปมาน้อย
• ราคาถูก

8. พัดลมแบบอุตสาหกรรม

• มีน้ำหนักมากกว่าแบบอื่น สามารถเคลื่อนย้ายได้แต่ไม่สะดวก
• สำหรับตั้งพื้น
• เหมาะสำหรับใช้ในห้องหรือพื้นที่ขนาดใหญ่
• ราคาสูงกว่าพัดลมทั่วไป

9. พัดลมแบบไร้ใบพัด

• น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก
• ไม่มีใบพัด มีความปลอดภัยในการใช้งานสูง
• สำหรับตั้งโต๊ะ
• เสียงการทำงานเงียบ

พัดลมอุตสาหกรรม

พัดลมอุตสาหกรรมจะเป็นพัดลมที่มีขนาดใหญ่กว่าพัดลมทั่วไปที่ใช้กันตามบ้นเรือน โดยมีขนาดมากกว่า 18 นิ้วขึ้นไป อีกทั้งยังมีความแข็งแรงทนทานทั้งในเรื่องของวัสดุและมอเตอร์การทำงาน จึงทำให้สามารถเปิดใช้งานได้เป็นเวลานาน แม้ในสถานที่ที่มีอากาศร้อนอบอ้าว อีกทั้งยังสามารถปรับแรงลมได้หลายระดับ โดยพัดลมชนิดนี้จะเหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ขนาดใหญ่และมีคนจำนวนมาก อย่างเช่น โรงงาน ร้านค้า หรือร้านอาหารขนาดใหญ่ ซึ่งประสิทธิภาพของมันจะปล่อยลมออกมาได้แรง ครอบคลุมพื้นที่ได้เยอะ สามารถคลายร้อนให้กับคนที่อยู่ภายในพื้นที่ได้ นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับใช้ระบายอากาศ กำจัดควัน ลดฝุ่นละออง และรวมถึงการลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ ในสถานที่ทำงานได้อีกด้วย

 ประเภทของพัดลมอุตสาหกรรม

1. พัดลมอุตสาหกรรมแบบติดผนัง

พัดลมแบบติดผนังนี้จะเป็นพัดลมอุตสาหกรรมที่มีขนาดไม่ใหญ่มากและมีน้ำหนักเบา เหมาะสำหรับใช้ในห้องเพดานสูงและพื้นที่โรงงานซึ่งไม่สามารถติดตั้งพัดลมตั้งพื้นได้ พัดลมชนิดนี้จะส่งแรงลมมาจากด้านข้างผนัง ซึ่งเป็นการเป่าลมในมุมสูงกว่าพัดลมตั้งพื้น ทำให้ระบายอากาศได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และเมื่อกดปุ่มให้พัดลมหมุนส่ายได้ 180 องศา ทำให้แรงลมกระจายรัศมีได้กว้างกว่าเดิม ทั้งยังช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอย ไม่กีดขวางขณะปฏิบัติงาน และลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากพัดลมล้มได้อีกด้วย แต่การเลือกติดตั้งพัดลมอุตสาหกรรมประเภทนี้ต้องมั่นใจว่าผนังมีความแข็งแรงเพียงพอที่จะรองรับน้ำหนักและแรงสั่นสะเทือนของพัดลมได้ หากพัดลมที่จะใช้ติดผนังมีขนาดใหญ่ควรเลือกติดในบริเวณที่เป็นเสาหรือคาน โดยควรหลีกเลี่ยงการติดตั้งพัดลมกับผนังยิปซั่มบอร์ดหรือผนังอิฐมวลเบา เพื่อป้องกันการแตกร้าวของผนังจนทำให้พัดลมหลุดลงมา เป็นอันตรายและสร้างความเสียหายได้ นิยมนำไปติดตั้งใช้งานตั้งแต่ที่พักอาศัย โรงเรียน โรงอาหาร หรือโรงงาน เป็นต้น

2. พัดลมอุตสาหกรรมแบบตั้งพื้น

สำหรับพื้นที่เปิดโล่งหรือพื้นที่ภายในที่ไม่มีการจัดสัดส่วนพื้นที่ทำงานแบบตายตัว การใช้พัดลมอุตสาหกรรมแบบตั้งพื้นก็จะทำให้สะดวกในการเคลื่อนย้ายไปยังมุมต่าง ๆ ทั้งยังสามารถกำหนดทิศทางลมหรือเปลี่ยนองศาการกระจายลมเพื่อระบายอากาศได้ตามความเหมาะสม นอกจากนี้ พัดลมแบบตั้งพื้นยังซ่อมบำรุงง่ายสามารถถอดทำความสะอาดได้โดยไม่ต้องใช้บันได กระจายความเย็นได้ดีแม้จะใช้งานในห้องเพดานต่ำ แต่พัดลมอุตสาหกรรมแบบตั้งพื้นจะทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายได้มากกว่าพัดลมแบบติดผนัง ทั้งยังให้ความรู้สึกว่าการกระจายของทิศทางลมไม่เป็นธรรมชาติ การใช้พัดลมชนิดนี้จึงเหมาะที่จะใช้ในงานภาคสนามแรงงานที่มีการเคลื่อนย้ายบ่อย ๆ มากกว่าการใช้ในพื้นที่ปิด พัดลมอุตสาหกรรมแบบตั้งพื้น สามารถแบ่งออกได้เป็นแบบต่างๆได้ดังนี้

1. พัดลมอุตสาหกรรมตั้งพื้นแบบขาเดียว

เป็นพัดลมรูปแบบมาตรฐาน ใบพัดทำจากอลูมิเนียมแข็งแรง ไม่เป็นสนิม หน้าปัดทนทาน พร้อมกับเสาตรงยาวยึดกับฐานทรงกลมสำหรับวางพื้นได้มั่นคง ไม่ล้มหรือหงายขณะเปิดใช้งานพัดลมอยู่ได้ ปรับแรงลมได้หลายระดับ ปรับหน้าปัดขึ้นลงได้หลายองศา ในบางรุ่นสามารถปรับความสูงได้ เหมาะสำหรับใช้ตามพื้นที่ทำงานทั่วไป

2. พัดลมอุตสาหกรรมตั้งพื้นแบบ 3 ขา

เป็นพัดลมขนาดมาตรฐาน ส่วนใหญ่มีขนาดหน้ากว้างตั้งแต่ 20 นิ้วขึ้นไป มาพร้อมกับเสาขาตั้ง 3 ขา กางตั้งง่าย มั่นคง แข็งแรง พับเก็บได้สะดวก พัดลมชนิดนี้ปรับระดับแรงลม ปรับก้มเงยหน้าปัดพัดลมได้ และในบางรุ่นสามารถขยายความสูงของเสาพัดลมได้อีกด้วย จึงเป็นที่นิยมใช้ตามพื้นที่โล่งทั่วไป เช่น ตามโรงงาม วัด หอประชุม และอื่นๆ

3. พัดลมอุตสาหกรรมแบบตั้งพื้นปรับแหงน

เป็นพัดลมตั้งพื้นแบบปรับหน้าพัดลมแหงนขึ้นลงได้หลายองศา มีทั้งแบบไม่มีล้อและมาพร้อมกับล้อเลื่อน 2 ล้อ โดยจะมีล้อเพียงด้านเดียวเพื่อให้ง่ายต่อการเคลื่อนย้ายและอีกฝั่งจะไม่มีล้อทำให้วางพื้นได้คงที่ กระจายลมได้กว้าง ใบพัดใหญ่ให้ลมแรง เหมาะสำหรับใช้ตามสถานที่โล่งๆ ทั่วไป

4. พัดลมอุตสาหกรรมพร้อมขาตั้งแบบมีล้อ

โครงพัดลมทำจากเหล็กและประกอบขึ้นรูปเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม ขาตั้งแบบสูงและด้านล่างติดล้อเลื่อนไว้ จำนวน 4 ล้อ ทำให้เคลื่อนย้ายสะดวก เป็นพัดลมหน้ากว้าง ใบพัดสี่แฉกขนาดใหญ่ และครอบด้วยตะแกรงอย่างแน่นหนา พัดลมชนิดนี้ลมแรงกว่าพัดลมตั้งพื้นและตั้งโต๊ะ เหมาะสำหรับใช้เป่าลมระบายอากาศในพื้นที่กว้าง เช่น โรงงานอุตสาหกรรม โกดังสินค้า โรงอาหาร

ในด้านวัสดุที่ใช้ทำใบพัดของพัดลมอุตสาหกรรมนั้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ใบพัดพลาสติกและใบพัดโลหะ ซึ่งนอกจากความสวยงาม ความทนทานในการใช้งานที่แตกต่างกันแล้ว ยังมีเสียงรบกวนในขณะใช้งานที่แตกต่างกันด้วย

วัสดุของใบพัด

• ใบพัดพลาสติก ใบพัดประเภทนี้ทำจากพลาสติกหรือวัสดุสังเคราะห์ในกลุ่มพลาสติก เช่น เรซิ่น จึงมีน้ำหนักไม่มาก เสียงใบพัดเบา การสั่นสะเทือนน้อยสามารถใช้กับมอเตอร์แรงบิดต่ำได้ แต่มักมีขนาดรัศมีใบพัดสั้นกว่าใบพัดโลหะ จึงเหมาะสำหรับการใช้งานในครัวเรือน สำนักงาน และงานทั่วไปที่ไม่ต้องโดนแสงแดดหรือละอองน้ำมันเป็นประจำ
• ใบพัดโลหะ ซึ่งมีทั้งอะลูมิเนียม เหล็ก ทองเหลือง และวัสดุอัลลอย ใบพัดประเภทนี้มีน้ำหนักมากแต่มีความแข็งแรงทนทานสูง ทนความร้อนและไอระเหยของน้ำมันได้ดีกว่าแบบพลาสติก แต่ต้องใช้มอเตอร์ขับเคลื่อนที่มีแรงบิดสูงมีกำลังไฟมาก ใบพัดประเภทโลหะนี้นิยมใช้กับพัดลมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่หรือใช้งานหนักภายในโรงงานอุตสาหกรรม